หากใครที่เคยได้ยินเรื่องอาหารที่ห้ามกินคู่กัน 1 ในนั้น ก็จะมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและน้ำอัดลมที่เป็นของแสลงห้ามกินคู่กัน เพราะมันจะไปทำปฏิกริยาร่วมกันในกระเพาะ อาจจะทำให้ท้องอืด ปวดท้อง และถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล เรื่องนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่วันนี้ มีตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงกับหนุ่มคนหนึ่งในประเทศจีน ที่เขาได้ทาน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันเทศ และน้ำอัดลม จนทำให้เขามีอาการแบบนี้ ..
👉 ที่เมืองหางโจว ประเทศจีน มีผู้ชายคนหนึ่งต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉินเนื่องจากปวดท้องมาก หลังจากที่เขาได้สแกน X-ray หมอตรวจพบว่ากระเพาะของเขาขยายตัวขึ้นผิดปกติ จึงตัดสินใจต่อท่อเพื่อนำลมภายในกระเพาะออกมา และยังพบกับของเหลวที่เหนียวข้นและเศษอาหารติดอยู่ข้างใน!ชายหนุ่มบอกว่าก่อนนอนเขาได้ทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันเทศ และน้ำอัดลม หลังจากนั้นเขานอนไม่หลับเพราะรู้สึกแน่นท้อง เช้าวันต่อมาเขาเริ่มรู้สึกปวดท้องมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อหมอได้ยินดังนั้นจึงบอกว่า วัตถุดิบในบะหมี่สำเร็จรูปเมื่อผสมเข้ากับน้ำอัดลมจะทำให้ภายในกระเพาะอาหารเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นจำนวนมาก เส้นบะหมี่เมื่อรวมกันกับมันเทศจะทำให้เป็นเศษตะกอนที่เหนียวข้น และเป็นเพราะว่าในช่วงที่เราหลับกระเพาะและลำไส้จะทำงานช้าลง จึงทำให้เกิดแก๊สสะสมเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดภาวะกระเพาะขยายตัวเฉียบพลัน ...แต่ว่าบะหมี่สำเร็จรูปผสมน้ำอัดลม จะทำให้เป็นถึงขนาดนี้เชียวหรือ? ..👉 เราจึงทดลองนำบะหมี่สำเร็จรูปพร้อมเครื่องปรุงนำใส่ถุง แล้วเทน้ำอัดลมเข้าไปค่อยปิดถุงไว้ จากนั้นไม่นานถุงค่อยๆพองขึ้นจริงๆด้วย แถมยังขยายตัวจนถุงแทบจะระเบิดอยู่แล้ว! ...ลองอีกที นำบะหมี่สำเร็จรูปสองห่อกับน้ำอัดลมสองขวดผสมกัน แบ่งเป็นถุงสองถุง ดูผล จากนั้นถุงทั้งสองก็พองตัวจนกลายเป็นแบบนี้ ..
เรื่องนี้ก็อย่าพึ่งด่วนสรุปนะค่ะ หลังจากที่เรื่องเหล่านี้ได้ถูกแชร์ออกไปก็มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย และมีหลายคอมเม้นท์ที่น่าคิด อาทิเช่น กระเพาะคนเราไม่เหมือนกับถุงซิบที่ปิดสนิท เหมือนอย่างที่นำมาทดลอง เพราะเมื่อเรากินเข้าไปเราก็ต้องเรอออกมาอยู่ดี และที่สำคัญมันก็ต้องขึ้นอยู่กับระบบย่อยของเรา ถ้าระบบย่อยดีก็ไม่เกิดปัญหาท้องอืด แต่ถ้าระบบย่อยของเราไม่ดี แน่นอนว่าแค่แก็สในกระเพาะเยอะก็ทำให้เราปวดท้องได้ แต่ทางที่ดีเราควรเลี่ยงที่จะทานอาหารที่ทำให้เราท้องอืดง่ายๆ อย่างน้ำอัดลม เป็นดีที่สุด ..
ขอบคุณ ที่มา: https://www.siamnews.com/view-6580.html