วันนี้ 16 มิ.ย.2566 แอนนา วรินทร วัตรสังข์ อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการ 1 กองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.สอท.1) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ กรณีสื่อโซเชียลมีเดียแฉว่าเจ้าตัวขายกล่องสุ่ม แต่เป็นกล่องสุ่มทิพย์ ไม่ได้ส่งของให้ลูกค้าจริง มีเหยื่อนับร้อยคน ความเสียหายร่วม 200 ล้านบาท ผ่านไปไม่นานเจ้าตัวก็ไลฟ์ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวยอมรับว่ามีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ใช่กล่องสุ่ม เพราะระบุรายละเอียดชัดเจนว่าใส่อะไรในกล่อง และมูลค่าความเสียหายก็ไม่ถึง 200 ล้านบาท
โดยเวลาประมาณ 13.10 น. แอนนา เดินทางมาถึง บก.สอท.1 เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกงประชาชน และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ หลังมีผู้เสียหายซื้อกล่องสุ่มทองคำ โดยเจ้าตัวยังไม่ตอบคำถามใดกับสื่อมวลชน
ขณะที่ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เผยว่า วันนี้ แอนนา มาพบตำรวจตามหมายเรียก ไม่ใช่หมายจับ ซึ่งหมายเรียกเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจเสริมความงามและอาหารเสริม หลังจากที่ผู้เสียหายมาแจ้งความไว้ที่ สอท.1 จำนวน 9 ราย รวมเป็นเงิน 15 ล้าน ซึ่งหลังจากนี้ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีผู้เสียหายที่แจ้งความไว้ที่อื่นอีกหรือไม่ โดยวันนี้แอนนาเดินทางมาพร้อมทนายความ ซึ่งลักษณะมีอาการเครียดในระดับหนึ่ง
สำหรับพฤติกรรมที่ถูกแจ้งความ คือ เมื่อประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ได้นำทองที่เป็นของสมนาคุณให้กับคนที่ซื้อผลิตภัณฑ์เสริมความงาม จึงมีการนัดแจกทอง ซึ่งเอกสารเบื้องต้นดูในการซื้อทองพบว่ามีการซื้อทองหลายล้านบาท เบื้องต้น แอนนา ถูกแจ้งข้อหา เรื่องฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน และ พ.ร.บ.คอมฯ
ต่อมา 15.00 น. แอนนา เผยว่า ตนเองขอยืนยันไม่มีเจตนาฉ้อโกงประชาชนอย่างแน่นอน แต่เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะมีปัญหาธุรกิจ และยืนยันคำเดิมว่า ตนเองบริหารธุรกิจผิดพลาด และอยากให้เป็นอุทาหรณ์กับแม่ค้าออนไลน์ว่า ควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี ตนเองมีนิสัยชอบแจก ชอบคืนกำไรจนติดเป็นนิสัยมาตลอด และไม่ยอมทำบัญชีรายรับรายจ่ายให้ดี จนไม่รู้ว่าจะขาดทุน ช่วงปีที่แล้วการทำธุรกิจยังมีกำไรอยู่ แต่มาปีนี้กำไรน้อยลง ตนเองจึงประกาศกับลูกค้าว่า จะเลิกทำแล้วและรู้สึกว่าการให้กำไรแบบนี้ตนเองก็คงไม่ไหว ปัญหาเรื่องนี้เริ่มจากการส่งของล่าช้า และพอส่งของล่าช้า ปัญหาคือลูกค้าบางคนรอได้ บางคนก็มีความจำเป็นที่จะต้องใช้สินค้าที่สั่ง ซึ่งเรื่องทั้งหมดตนเองเข้าใจและขอโทษลูกค้าทุกคน ไม่มีเจตนาที่จะมาส่งของให้ไม่ส่งของให้ใคร เพราะตัวเองก็เคยซื้อของแล้วก็อยากได้ของเช่นกัน
ขณะนี้ข่าวออกไปว่าเป็นกล่องสุ่มทิพย์ ซึ่งยืนยันว่า กล่องสุ่มทำจริง แต่ว่าเป็นกล่องสุ่มที่ระบุชัดเจนว่าจะได้เป็นสกินแคร์ อาหารเสริม ในราคาที่แตกต่างกันไป แต่มีการพาดหัวข่าวว่าเป็นกล่องสุ่มทองทิพย์ ซึ่งกล่องสุ่ม มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง แม้กระทั่งซื้อทอง ซื้อทองจริง ไม่ใช่ทองทิพย์ โดยวันนี้มีการนำเอกสารใบเสร็จร้านทองที่ซื้อมา เป็นหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ซึ่งถ้าหากว่า ตนเองมีเจตนาที่จะฉ้อโกง จะไปซื้อทองมาทำไม เราไม่ได้ขายทองนะเราให้เป็นคืนกำไร ซึ่งมีทั้ง บางคนตัดคลิปสั้นๆไปลง บางครั้งพูดทีเล่นทีจริง ตลกขบขันตามภาษาของตนเอง หรือ พลาดพูดแบบไม่ได้ตั้งใจคิด แต่ขอยืนยันตรงนี้ว่า ทองที่ทำทุกวันนี้ เป็นการคืนกำไรให้กับลูกค้า ไม่ใช่เป็นกล่องสุ่มทองโดยตรง หรือการขายทองโดยตรง
ส่วนเรื่องทองหาย 4 ล้าน ตนเองก็มีใบแจ้งความ สน.คันนายาว ทุกอย่างที่พูดไม่ได้อ้างไปวันๆ ทุกอย่างมีหลักฐาน แมสเซนเจอร์ ปกติเวลามารับของ เขาก็ไม่ทราบว่า มันเป็นทอง แต่ตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าวันนั้นเกิดอะไรขึ้น เพราะนอนหลับอยู่ตื่นมาอีกครั้งก็พบว่าทองหายหมดเลย วันนั้น คือ 24 กันยายน 65 ช่วงเวลา ตี 2 ซึ่งก็เริ่มใจไม่ดี เพราะในนั้นเป็นทองมูลค่า 4 ล้านบาท ซึ่งปกติให้แมสเซ็นเจอร์คนนี้ส่งมาตลอด ซึ่งแมสเซ็นเจอร์ อ้างว่า เอาทองไปส่งตอนตี 2 แล้วรถล้ม แล้วแมสเซ็นเจอร์ก็หายไปเลย ซึ่งตนเองก็ถามกลับไปอีกครั้งว่า เรียบร้อยแล้วใช่ไหม ซึ่งเขาก็บอกว่ามีปัญหานิดหน่อย เพราะเกิดอุบัติเหตุ แต่ก็ไม่ได้พูดถึงทอง ซึ่งตนเองก็ถามย้ำว่าเรื่องทองเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งทางแมสเซ็นเจอร์ อ้างว่า ทองหายหมดเลย และตนเองทราบว่า ช่วงหลังๆ แมสเซ็นเจอร์คนนี้ เริ่มทราบแล้วว่า ของที่ส่งเป็นทองแน่นอน
เรื่องนี้ตนเองรู้สึกนอยมาก เพราะแมสเซ็นเจอร์คนนี้เป็นคนที่เข้าออกบ้านจนไว้วางใจมาเป็นปี ตำรวจสอบปากคำ แมสเซ็นเจอร์หนักมาก ก็เขาก็ไม่ยอมรับ แต่สุดท้ายแล้ว แม่ของแอนนาก็บอกว่ามันเป็นกรรม และขอให้แมสเซ็นเจอร์ชดใช้กรรมไป ซึ่งตอนนี้ตัวเองก็มองว่า เวรกรรมก็เป็นเวรกรรมของตัวเองด้วย ที่กระทบถึงในวันนี้ ที่ดำเนินคดีกับเขาวันนั้น อยากให้สังคมช่วยขุดเรื่องนี้ อยากให้สังคมรื้อฟื้นเรื่องนี้ให้หน่อย ไปไล่กล้องให้หน่อย ซึ่งถ้าหากพบ ไม่ต้องเอามาคืนให้แอนนาก็ได้แต่ขอให้มาเป็นพยานให้หน่อย เพราะหลังจากที่ทองหายในวันนั้น มันส่งผลกระทบมาจนถึงวันนี้ จนกลายเป็นเรื่องราวในวันนี้
ตนเองพยายามเข้มแข็งในทุกวัน และทุกครั้ง ที่ผ่านมาตนเองเคยคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งการฆ่าตัวตายคงไม่มีใครผูกคอตายเล่นๆ ในวันที่จะฆ่าตัวตาย วันนั้นไม่ได้โทรบอกใครเลย ไม่ได้พูดกับใครสักคน ไม่ได้สั่งเสีย เพราะคิดว่าจะทำเลย และคิดว่าถ้าตายก็คือจบ มองในมุมตัวเอง คือ ล้มเหลวทางธุรกิจผิดพลาด ทำไมถึงพลาดบ่อยจังทำไมถึงโดนคดีอีกแล้ว ทำไมต้องเจออะไรแบบนี้อีกแล้ว แต่สุดท้ายก็คิดได้ว่าต้องอยู่ เพราะถ้าไม่อยู่แล้วลูกค้าจะได้ของคืนอย่างไร
การชี้แจงกับเจ้าหน้าที่วันนี้ ไม่ได้ทำให้สบายใจขึ้นก่อนหน้านี้มีคนถามว่า "สบายใจไหม ที่จะไม่ติดคุก" ซึ่งตนเองมองว่า คุกก็คือคุก ไม่ได้กลัวคุก และไม่ท้าทายคุก แต่รู้สึกว่าความสบายใจ จะเกิดก็ต่อเมื่อลูกค้าได้ของครบหมด บางคนบอกว่า ทำไมไม่ไปขายของมาให้หมด มีบ้าน มีสิ่งของ ตั้งหลายอย่าง ตอนนี้บ้านติดไฟแนนซ์ ข้าวของก็ทยอยขาย ส่วนติดเงินลูกค้าอยู่กี่คนนั้น ตนเองก็ไม่ทราบเพราะทำอยู่คนเดียว ก่อนหน้านี้ ช่วงแรกมีคนช่วยเยอะ แต่พอเริ่มมีคดี ทำให้หลายคนเริ่มกลัวและถอนตัวออก สำหรับลูกค้าที่ให้โอกาส ต้องขอบคุณจริงๆที่ให้โอกาส ตอนนี้แอนนายืนแทบไม่ไหวแล้ว
ส่วนบัญชีที่ใช้ได้ ซึ่งมีเงินอยู่ในนั้นโดยประมาณ 200,000 บาท ก็ถูกอายัด เพราะมีลูกค้าไปแจ้งความ พอไปขอถอนแจ้งความ ตำรวจก็ตีเป็นฉ้อโกงประชาชนก็เลยใช้บัญชีไม่ได้และไม่มีเงิน ส่วนบัญชีที่มีเงินวันนี้ มีอยู่ 25 บาท ขอบคุณเพื่อนที่เอาข้าวมาให้กิน ซื้อข้าวสาร ซื้อสิ่งของมาให้ การมาพบตำรวจวันนี้ ตนเองก็ทำใจแล้ว ถ้าจะติดคุก คือ เป็นเวรเป็นกรรม ขอบอกเลยว่า คุกไม่กลัว แต่ไม่ท้าทาย แต่ที่กลัวคือกลัวจะไม่ได้คืนเงินลูกค้า เพราะถ้าตายไปก็จะเป็นหนี้กรรมหนี้เวรไม่รู้จักใช้กันอีกกี่ชาติ