วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2566

เป็นอีกหนึ่งนักแสดงรุ่นใหญ่ที่หลายคนน่าจะคุ้นหน้า คุ้นตากันดีค่ะ สำหรับ “ตู่ นพพล โกมารชุน” เพราะเป็นนักแสดงชื่อดังของเมืองไทย และมีผลงานมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ยังได้หันมาเอาดีทางด้านงานเบื้องหลังด้วยละค่ะ

เพราะได้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับและทำละครป้อนให้กับทางช่องใหญ่อย่างช่อง 3 โดยมีภรรยาสาวอย่าง “ปรียานุช ปานประดับ” ขึ้นแท่นผู้จัด คอยช่วยกันควบคุมการผลิต ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังคงมีผลงานออกมาให้ติดตามกันอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะงานแสดงละครเบื้องหน้า รวมถึงงานผู้กำกับเบื้องหลัง ซึ่งต้องบอกเลยว่าคู่นี้ก็เป็นอีกคู่ที่หลายคนชื่นชอบมากเลยละค่ะ เพราะครองรักกันมาหลายสิบปีแถมยังดูแลกันดีไม่เปลี่ยน

เพราะขนาดภรรยาสาวเจ็บป่วย สุขภาพไม่ค่อยดี ตู่ นพพลยังลงทุนสร้างบ้านที่ต่างจังหวัดเพื่อให้ภรรยาสาวได้ไปพักผ่อนและอยู่ท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ด้วย เรียกได้ว่ารักกันมากเลยละค่ะ

แต่ถึงแม้จะใช้ชีวิตคู่มานานหลายปีก็ไม่มีทายาทด้วยกันซักที ทั้งคู่จึงมีการรับพระเอกหนุ่มมากความสามารถอย่าง “เจสัน ยัง” มาเป็นบุตรบุญธรรมด้วยละค่ะ เอาเป็นว่าจะเป็นยังไงไปชมภาพกันเลยดีกว่า

เรียกได้ว่าบุตรบุญธรรมของทั้งคู่ก็ดีกรีไม่ธรรมดาเลยละค่ะ เพราะเป็นนักแสดงมากฝีมือและผลงานออกมาให้ติดตามมากมาย และก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงนั้นก็เคยเป็นนักร้องและมีผลงานเพลงออกมาให้ติดตามด้วย

<

โดยอยู่ในเครือจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีผลงานเพลงที่เป็นที่รู้จัก อาทิเช่น คิดถึงกันบ้างไหม, ตะโกนบอกฟ้า, ยิ้มทั้งน้ำตา, อย่าบอกว่าเธอรัก เป็นต้น แหม เรียกได้ว่าเคยเป็นทั้งนักร้อง และเป็นทั้งนักแสดงมากฝีมือเลย

ซึ่งผลงานนั้นก็เยอะไม่แพ้กับ พ่อบุญธรรมอย่างอาตู่เลยละค่ะ เพราะหนุ่มเจสัน ยัง ก็เคยมีผลงานการแสดงเยอะมากไม่ว่าจะภาพยนตร์หรือละครก็ตามและปัจจุบันก็ยังคงมีผลงานออกมาให้ติดตามกันอยู่ตลอด

ก็เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงรุ่นใหญ่ที่หลายคนชื่นชอบมาก สำหรับ อาตู่ เพราะมีผลงานปังๆออกมาให้ติดตามกันตลอดไม่ว่าจะผลงานการแสดง รวมไปถึงผลงานการเป็นผู้กำกับละครนั่นเองละค่ะ

สำหรับคู่ของ ตู่ นพพล โกมารชุน กับ ปรียานุช ปานประดับ ทั้งคู่พบรักกันครั้งแรกเมื่อถ่ายละครด้วยกันจากเรื่อง กนกลายโบตั๋น เมื่อปี พ.ศ. 2533 โดย ตู่ นพพล รับบท ซูหลิน หนุ่มจีนแผ่นดินใหญ่

ผู้แสนดีและมีอุดมการณ์ คู่กับ‘ปรียานุช ปานประดับ และเกิดเป็นความรักจนกลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2541 จนมาถึงวันนี้ก็ 30 ปี แล้วที่ทั้งคู่ได้ครองรักกันมา

และแม้กาลเวลจะผ่านไปนานขนาดไหนความรักของทั้งคู่ก็ยังคงหวานชื่นไม่มีจิดจาง เวลาว่างที่เหลือก็ไปเดินเล่นกับสัตว์เลี้ยง เล่นดนตรีไทยตาม รพ.

เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ที่ได้รับการรักษา เมื่ออายุเริ่มเยอะขึ้น ทั้งคู่จึงเลือกใช้ชีวิตให้มีความสุขในบั้นปลายชีวิต หลังจากนั้นก็สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอีกครั้งกับบท อาเหลียง

ในละครโทรทัศน์เรื่อง ลอดลายมังกร ในปี พ.ศ. 2535 จนประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ต่อมา นพพลจึงเปลี่ยนบท ไปรับบทรองในภาพยนตร์และละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง และในยุคอดีตนั้น ช่วงปลายปี พ.ศ. 2532

ถึงปลายปี พ.ศ. 2536 ตู่ นพพล เคยเป็นพิธีกรรายการอีกด้วย นอกจากนี้แล้ว ตู่ นพพล ยังผันตัวเองไปทำงานเบื้องหลัง โดยเฉพาะในฐานะ ผู้กำกับละคร