"ต้นไม้" ยืนต้นโดดเดี่ยว กลางลำน้ำโขง กับ "ตำนานลึกลับ" เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต้นเดียวในโลกที่ "รากชี้ขึ้นฟ้า"

เป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของโลกใบนี้สำหรับต้นไม้ที่ชื่อว่า "ต้นมณีโคตร" ที่ยืนต้นตั้งตระหง่านอยู่กลางน้ำตก "คอนพะเพ็ง" ที่ไหลเชี่ยวกราก กลางแขวงจำปาสัก สปป.ลาว ( แม้จะถูกเรียกว่าเป็นน้ำตก แต่จริงๆแล้วคอนพะเพ็งเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้ำโขง ) ที่พบมีเพียงต้นเดียวในโลก โดยจากการสันนิษฐานเชื่อว่าต้นมณีโคตร มีอายุมากกว่าหลายร้อยปี หรือบางทีอาจถึงพันปี

ตามความเชื่อตำนานเก่าแก่ ต้นมณีโคตร ถูกเรียกอีกชื่อว่า "ต้นชี้ตาย ปลายชี้เป็น" เพราะหากนำส่วนของลำต้นชี้ไปที่ใคร คนๆนั้นก็จะตาย แต่หากนำส่วนปลายไปชี้ใครคนๆนั้นก็จะฟื้นคืนชีพ ซึ่งน่าประหลาดใจกว่าก็คือหากผ่าดูกลางลำต้น ก็จะพบเนื้อไม้ที่อยู่ด้านในเป็น 3 สี คือนวลเหมือนไข่ไก่ ,สีม่วง และสีชมพู ซึ่งเป็นที่มาของ "มณีโคตร"โดยหากมองด้านหนึ่งจะคล้ายเขาควาย มี 3 กิ่งหลักๆ กิ่งหนึ่งหันไปฝั่งลาว ชาวลาวเชื่อว่าใครได้กินผล (หมาก) ที่เกิดจากกิ่งนี้จะแก่ชราขึ้น , อีกกิ่งหนึ่งหันไปทางเขมร เชื่อว่าใครกินผลของกิ่งนี้จะกลายเป็นลิง และอีกหนึ่งกิ่งหันไปทางฝั่งไทย เชื่อว่าใครที่ได้กินผลจากกิ่งนี้ จะหนุ่มขึเน เยาว์วัยขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยมีใครได้กินผลจากกิ่งใดเลย เพราะสายน้ำเชี่ยวกรากทำให้ไม่เคยมีใครเข้าไปถึงต้นมณีโคตรต้นนี้ ยกเว้นนกกระยางขาวและอีกาที่มักจะบินไปเกาะอยู่เต็มต้นมณีโคตร ในทุกๆวันพระ

นอกจากนั้นความมหัศจรรย์ของ "ต้นไม้มณีโคตร" นี้คือกิ่งก้านที่ออกจากกิ่งใหญ่ก็คือรากฝอย เหมือนธรรมชาติจงใจสร้างความแปลกพิศดารให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้เพียงต้นเดียว รากของมณีโคตรเจริญเติบโตไปในอากาศ ลำต้นขยายกิ่งก้านรองรับรากและกอดรัดกับแก่งหินของน้ำตกคอนพะเพ็ง ให้ยืนต้นแบบเอาหัวลง เอารากชี้ฟ้าเป็นมาชั่วนาตาปี ที่ก็ไม่มีใครรู้ หรือมีหลักฐานยืนยันได้ว่า เกิดขึ้นมา ณ ดินแดนแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อใด?

และเป็นที่น่าเสียดาย เพราะเมื่อวันที่ 19 มีนาคม ปี 2555 ต้นมณีโคตรได้โค่นล้มลงเองตามธรรมชาติ โดยสาเหตุที่ต้นไม้ล้มเชื่อว่าเนื่องมาจากต้นไม้อายุมากแล้ว และก่อนหน้านั้นก็มีพายุลมแรงและฝนตกติดต่อกัน 3 วัน ทำให้ต้นไม้ทานกระแสลมและกระแสน้ำไม่ไหว ขณะที่บางกระแสเชื่อว่าเหตุที่ต้นมณีโคตรโค่นล้มเนื่องจากการบวงสรวงประจำปีนั้น ทำผิดวิธี โดยเริ่มทำพิธีเมื่อเวลา 1 ทุ่ม ต่อเมื่อเวลา 4 ทุ่มต้นไม้ก็ได้โค่นลง สร้างความตกอกตกใจให้กับชาวลาวอย่างมาก จนเหลือไว้เพียงตำนาน ซึ่งต่อมาทางการได้เข้ามากู้ซากและนำซากต้นมณีโคตรไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑ์แล้ว เพื่อให้ประชาชนนักท่องเที่ยวได้เข้าเยี่ยมชมอีกหนึ่งความมหัศจรรย์นี้ด้วย(ชมคลิป)