คุณลุงบุญเลิศอยู่อุปัฏฐากเป็นผู้ติดตามรับใช้หลวงปู่สรวงมาตั้งแต่ปี 2514 จนกระทั่งหลวงปู่สรวงท่านละสังขาร
ความไว้เนื้อเชื่อใจที่หลวงปู่สรวงมีต่อลุงบุญเลิศ จึงไม่เป็นที่สงสัยใดๆสำหรับผู้เลื่อมใสในองค์หลวงปู่สรวง เมื่อครั้งที่หลวงปู่สรวงท่านยังดำรงขันธ์ ไม่ว่าท่านจะธุดงค์หรือรับนิมนต์ไปแห่งหนตำบลใด เป็นต้องมีลุงบุญเลิศอยู่ด้วยทุกครั้งไม่เคยขาด
ลุงบุญเลิศจึงไม่ต่างอะไรกับเงาของหลวงปู่สรวง ที่ไม่เคยแยกห่างออกจากกัน
วันหนึ่ง พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าเรื่องนี้เกิดหลังจากเริ่มติดตามหลวงตาสรวงช่วงแรกๆ ท่านพาเดินป่าขึ้นไปพักอยู่บนเขาในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยอีกคนหนึ่ง
ราวๆบ่ายของวันหนึ่ง หลวงตาบอกพ่อลุงบุญเลิศให้ก่อไฟเตรียมไว้ ตัวท่านจะไปหาปลามาให้กิน ท่านหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมปลาช่อนตัวขนาดหน้าแข้ง ยังดิ้นกระแด่วไม่ทันตาย พอมาถึงท่านหักคอปลาดังกร๊อบ!!
พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าถึงกับร้องครางในใจอยู่คนเดียว เอ๊า..เป็นไงเป็นกัน ก็มันหิวเต็มที
หลวงตาลงมือเผาปลาด้วยตัวเอง เอาไม้คอยเขี่ยคอยพลิก กลิ่นปลาเผาหอมจนน้ำลายแตกเต็มปาก พอปลาสุกท่านก็แบ่งปลาออกเป็น3ส่วน
ส่วนหางให้คนไม่เต็มบาท
ส่วนกลางให้พ่อลุงบุญเลิศ
ส่วนหัวท่านฉันเอง
พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า ปลาอร่อยมาก ทั้งสดทั้งเหนียวพอดีกิน เสียแต่ว่ากินลำบากอยู่บ้าง ต้องค่อยๆลอกหนังปลาออก ไม่ให้ขี้เถ้าเปื้อนเนื้อปลาลอกหนังแล้วก็กองไว้ที่ก้อนหินข้างๆตัวก้างปลาก็กองรวมไว้ด้วยกัน
หลังจากอิ่มดีแล้ว หลวงตาเรียกให้รีบลุกขึ้นตามท่านลงไปทำน้ำมนต์ให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านตีนเขาพอลงเขามาเห็นชาวบ้านเตรียมครุน้ำถังน้ำนั่งรอกันสลอน อย่างกับว่านัดกันไว้
หลวงตาก็แค่นิ้วมือจุ่มลงไปแกว่งในน้ำให้ทีละราย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ชาวบ้านถวายเงินคนละ10บาท,20บาท ท่านไม่รับ ส่งเงินคืนให้ชาวบ้านหมด
"เขาไม่รู้ทำไง ก็เลยไปตักข้าวสารมาให้ บอกว่าเอาขึ้นไปหุงกินบนเขา"
เมื่อกลับขึ้นมาถึงที่พักบนเขา จวนมืดแล้ว พ่อลุงบุญเลิศจึงเตรียมหุงข้าวกินมื้อเย็น
"เห็นแปลก..หนังปลากับก้างปลาที่เราลอกแกะทิ้งไว้บนก้อนหิน กลายเป็นเปลือกมันสำปะหลัง เท่านั้นแหละจึงร้องเอะอะใส่ท่าน โอ๊ยยๆ..หลวงตาตั๋วข้าน้อย หลวงตาตั๋วแล้ว" (ตั๋ว-โกหก,หลอกลวง,)
หลวงตาก็แค่หัวเราะอยู่หยุมๆ
"เราเลยไปสำรวจดู เดินตามรอยเท้าที่ท่านหายไปหาปลา ก็ไปเห็นรอยขุดหัวมันสำปะหลัง เราไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า แถวนั้นมันมีน้ำมีห้วยมีธารที่ไหน หลวงตาจะไปเอาปลามาได้ไง"
ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล